ตำรวจภูธรภาค 3 โดย พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3(หัวหน้างานป้องกัน ปราบปรามยาเสพติด) , พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี , พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ , พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓ (ผู้ช่วยงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด) ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และในเขตพื้นที่ชั้นในตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 8 จังหวัด ได้ของกลางที่เป็นยาเสพติด ยาบ้า330,000 เม็ดไอซ์ 2,697 กรัม กัญชา 229กก.

ยุทธการปราบยาเสพติดเริ่มขึ้นเมื่อ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จว.นครราชสีมา ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการขนยาเสพติดจากชายแดน สปป.ลาว เข้าสู่กรุงเทพฯ คาดว่าน่าจะใช้เส้นทางถนนมิตรภาพผ่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จว.นครราชสีมา จึงได้ตั้งจุดตรวจที่ ตู้ยามหนองงูเหลือม อ.เฉลิมพระเกียรติ จนถึงเวลา 22.00 น. พบรถยนต์เก๋งยี่ห้ออีเกีย สีขาว ทะเบียน(ภาษาลาว) กด 6285 กำแพงนคร จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถ แล้วเข้าไปตรวจสอบพบนายสิดไซยา หรือตู่ ซุมโพนพักดี อายุ 39 ปี สัญชาติลาวคนขับ และนางสาวเวียงทอง หรือโก๊ะ ไซสงคาม อายุ 34 ปี สัญชาติลาว นั่งมาข้างๆ ทั้งสองมาจาก สปป.ลาว ตำรวจตรวจค้นภายในรถพบสารไอซ์ จำนวน 1 ถุง อยู่ในกระเป๋าสะพาย วางอยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับ และตรวจค้นตัวผู้ชาย พบสารไอซ์ อีกจำนวน 4 ถุง ตำรวจจึงจับกุม พร้อมของกลางสารไอซ์ น้ำหนักประมาณ 2,422 กรัม ข้อหาร่วมกันนำเข้า หรือมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (สารไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ในวันเดียวกัน (วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563) เวลา 21.50 น. ตำรวจ ตชด.227 ร่วมกับ สภ.เขมราฐ จว.อุบลราชธานี ได้ร่วมกันตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 198,000 เม็ด บริเวณริมท่ากี๊กก๊าด ฝั่งแม่น้ำโขงทางทิศตะวันออกของบ้านบุ่งซวย หมู่ 2 ต.เขมราฐ ฯ การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจได้จับคดียาเสพติดเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2563 โดยตำรวจ สภ.วารินชำราบ ได้จับกุมตัวนางสาวพนาวัลย์ เกษวัตร อายุ 49 ปี ที่อยู่ 2 หมู่ 1 ถ.ศรีมังคลา ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จว.อุบลราชธานี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 30,000 เม็ด ต่อมาตำรวจได้ทำการขยายผลเพื่อจับกุมกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด

ตำรวจสืบจนทราบว่าเป็นเครือข่ายยาเสพติดของ “ท้าวแสง” ไม่ทราบนามสกุล เป็นชาวบ้านโคกยาว เมืองสองคอน แขวงสะหวันเขต สปป.ลาว จากการสืบสวนทราบว่าที่บริเวณริมท่ากี๊กก๊าด ว่าจะมีกลุ่มพ่อค้ายาเสติดคนลาว นำยาเสพติด(ยาบ้า) มาส่งให้กับผู้ค้ายาเสพติดคนไทย ในห้วงวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ ช่วงเวลา 19.00 – 24.00 น. ตำรวจจึงนำกำลังออกไปดักซุ่ม เฝ้ารอจนเวลาประมาณ 21.50 น. พบชายสองคนขับเรือหางยาวลัดเลาะตามริมฝั่งแม่น้ำโขง(ฝั่งไทย) มาหยุดเรือที่ท่าน้ำกิ๊กก๊าด จากนั้นชายที่มากับเรือได้โยนกระสอบปุ๋ยสีขาว 1 ใบ ลงบนฝั่งแล้วขับเรือออกจากฝั่งอย่างรวดเร็วหายวับไปกับความมืด
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปตรวจสอบถุงปุ๋ยที่ถูกทิ้งไว้ พบข้างในมีห่อวัตถุสีเหลืองอยู่ในถุงพลาสติกใส จำนวน 33 ห่อ แกะออกดูพบเป็นยาบ้า จำนวน 99 มัด ประมาณ 198,000 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าซุ่มดูอยู่ต่อไปเพื่อหาจอมวายร้ายที่ถูกนัดแนะมารับของ เฝ้าประมาณ 30 นาที ไม่มีผู้ใดมารับถุงปุ๋ย จึงได้ร่วมกันตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อีกรายเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วารินชำราบ จว.อุบลราชธานี ได้ร่วมกันจับกุมท้าวดำสีหาลาด อายุ 24 ปี และท้าวติกเงินทะโพทอง อายุ 26 ปี ที่อยู่บ้านเกิง เมืองสองคอน แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 10,000 เม็ด ข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563

คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วารินชำราบ ฯ ได้รับแจ้งจาก “สาย”ว่า มีนักค้ายาเสพติดชาวลาวชื่อ “ท้าวดำ สีหาลาด” (ราษฎรชาว สปป.ลาว) ทำการค้าขายยาเสพติดทางโทรศัพท์มือถือ และทางเฟสบุ๊ค โดยวิธีโอนเงินค่ายาเสพติดผ่านธนาคาร เจ้าหน้าที่ ปปส.กับตำรวจ สภ.วารินชำราบ จึงวางแผนจับกุมนักค้ายาเสพติดข้ามชาติรายนี้!!!
จึงใจ”แผนพรานปลาล่าเหยื่อ” โดยให้สายลับติดต่อซื้อขายยาเสพติดกับ ท้าวดำเพื่อสร้างความไว้วางใจ จนกระทั่งวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 ท้าวดำได้นัดพบกับสายลับตำรวจ ที่ตลาดถนนคนเดิน อ.เขมราฐ โดยตกลงจะนำยาบ้ามาขายให้สายลับ จำนวน 5 มัด ราคามัดละ 30,000 บาท สายลับ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ปปส.นำกำลังดักซุ้ม จนถึงเวลานัดหมายสายลับได้ไปพบท้าวดำ และท้าวติ๊ก ที่ร้านซุ้มต้นคูณหมูกระทะ อ.เขมราฐ
นั่งคุยกันไปกินดื่มกันไปสักพัก ท้าวติ๊ก ได้โทรศัพท์ติดต่อคนส่งยาบ้า ให้เอายามาส่งมอบที่จุดนัดหมาย ในเวลาประมาณ 17.33 น. มีเสียงชายได้โทรศัพท์บอกท้าวติ๊ก ว่าได้วางยาบ้าจำนวน 5 มัด ตามที่สั่งไว้ ซุกซ่อนไว้บริเวณโคนเสาป้ายบอกทางอำเภอเดชอุดม และจังหวัดศรีสะเกษ บนถนนสี่แยกตลาดเจริญศรี ชุดปฏิบัติการจับกุมจึงได้ไปตรวจสอบพบของกลาง ซุกซ่อนอยู่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการจับกุมตัวท้าวดำและท้าวติ๊กที่ฮักโขงโฮมสเตย์ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รายต่อมา(วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563) เวลาประมาณ 21.15 น.ตำรวจ สภ.เสนางคนิคม จว.อำนาจเจริญ ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนกับรถจักรยานยนต์ บริเวณถนนชยางกูร หน้าโรงเรียนบ้านนาไร่ใหญ่ ม.15 ต.เสนางค์นิคม อ.เสนางค์นิคม จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบมีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 คน เป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์ และมีรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ ไทป์แซด สีบอร์น หมายเลขทะเบียน 2 กน 8127 กทม. เจ้าของรถได้หลบหนีหายตัวไป ตำรวจตรวจค้นภายในพบมีกัญชาอัดแท่ง จำนวน 230 ก้อน ชั่งน้ำหนักได้ 229 กิโลกรัม

จากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบว่า ได้มีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว มาจอดรับผู้ขับขี่รถเก๋ง ที่ก่อเหตุหลบหนีไป จากการตรวจสอบข้อมูลรถยนต์เก๋งฮอนด้า ระบุว่าผู้ครอบครองชื่อ นายสุธี โจระสา อายุ 53 ปี ที่อยู่ 5 ม.11 ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี จว.อุบลราชธานี วันรุ่งขึ้น ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่ ต.ไร่น้อย ตามที่อยู่ข้างต้น พบ นายสุธีฯ ซึ่งเป็นผู้พิการที่ขา แจ้งว่าได้ขายเก๋งฮอนด้าคันดังกล่าวให้กับคนลาวไปนานหลายปีแล้ว
ตำรวจแกะรอยต่อไปจนทราบตัววายร้ายขน”กัญชา”ต่อมาวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 เวลาประมาณ 17.00 น. ตำรวจได้เข้าตรวจยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บร 3578 สุรินทร์ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสนางค์นิคม ไว้ตรวจสอบ พร้อมจับนายนพรัตน์ คายศรี ผู้ขับรถยนต์กระบะ โตโยต้า ซึ่งเป็นคนพาผู้ต้องหาหลบหนี และออกหมายจับนายอานัส หรือนัด บุญชาลี ผู้ขับขี่รถยนต์รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า วายร้ายขน “กัญชา”มาดำเนินการตามกฎหมาย
อีกรายเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 ตำรวจ ร้อย ตชด.227 อ.เขมราฐ จว.อุบลราชธานีได้รับแจ้งจาก “สายลับ”ว่ามีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดชาวลาวชื่อ ท้าวไก้(ไม่ทราบนามสกุล) ที่อยู่บ้านนายูง ม.สองคอน ข.สะหวันนะเขต สปป.ลาว ร่วมกับแก๊งค์ยาบ้าชาวไทย ในพื้นที่ อ.เขมราฐ จว.อุบลราชธานี โดยท้าวไก้ จะนำยาเสพติดมาวางที่ริมโขงฝั่งไทย และให้ลูกน้องคนไทยที่มีบ้านอยู่ตามฝั่งโขง นำเอายาเสพติดไปวางไว้ตาม ป้ายสัญญาณจราจร หลักกิโลเมตร เสาไฟฟ้า ริมถนนหลวงสายหลัก จากนั้นก็จะว่าจ้างคนไทย(นักบิน)มารับยาเสพติดไปส่งให้กับพ่อค้าตามที่นัดหมาย
วันนั้น!! เวลาประมาณ 09.00 น. “สายลับ”มาแจ้งว่า ท้าวไก้ หลงกลตกลงขายยาบ้าให้กับตน จำนวน 6 มัด โดยติดต่อกันทางโทรศัพท์ และท้าวไก้ สั่งให้ลูกน้องซึ่งเป็นคนไทย นำยาบ้ามาวางไว้ที่จุดนัดหมายบริเวณรินถนนหลวง 202 ระหว่างบ้านดงหนองหลวง-บ้านหลักเขต ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จว.อุบลราชธานี โดยจะมีลูกน้องของท้าวไก้ มาตรวจนับเงินค่ายาบ้า แล้วจะพาไปเอายาบ้าที่ซุกซ่อนไว้

ตำรวจชุดจับกุมได้ฟังจนหูผึ่ง!! ฝ่ายปราบปรามร่วมวางแผนเพื่อหาทางจับกุม จนเวลาคล้อยบ่ายอ่อนๆ (เวลา13.21 น.) สายลับได้รับโทรศัพท์จากท้าวไก้ ว่าจะส่ง “นายโอ๋” ไปรับเงิน และพาไปเอายาบ้าที่ซุกซ่อนไว้ นัดหมายกันที่ บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านหลักเขต ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ ฯ บริเวณที่หมาย “ลายลับ”นายโอ๋ยืนรออยู่ จึงเดินเข้าไปพูดคุย พร้อมยืนเงิน(ล่อซื้อ)ให้ หลังจากตรวจนับเงินครบตามจำนวน นายโอ๋จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์พาไปเอายาบ้าที่ซุกซ่อนอยู่บริเวณเสาป้ายบอกทางไป อำนาจเจริญ ยโสธร
ทันใดนั้น..!!ตร.ที่ซุ้มรออยู่ได้กรูกันเข้าจับกุมนายโอ๋ไว้ได้ ทราบชื่อจริงต่อมาว่าคือนายวรเชษฐ์ ไผ่นอก อายุ 37 ปี ที่อยู่ 94 ม.2 ต.ผาขาว อ.ผาขาว จว.เลย ตรวจสอบป้ายบอกทางพบวัตถุ 2 ห่อ พันด้วยผ้าเทปสีน้ำตาลแกะออกดู เป็นยาบ้า จำนวนห่อละ 3 มัด รวมเป็น 6 มัด จำนวน 12,000 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีน้ำเงินชนิดกดปิด นายโอ๋รับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากท้าวไก้ ให้มารับเงินค่ายาบ้าจากกลุ่มพ่อค้าไทย ที่บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยว
นายวรเชษฐ์ฯ “โอ๋” ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการค้ายาเสพติดว่า ยาบ้าที่ถูกจับเป็นของกลุ่มเครือข่ายท้าวไก้ ต่อมาเวลา 15.19 น. เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เสียงปลายสายมาจาก “ท้าวไก้”นักค้ายาตัวแสบ สอบถามมาว่าเงินค่ายาบ้าที่ให้ไปรับครบตามจำนวนไหม แล้วสั่งให้นำเงินไปให้ที่ตลาดนัดบ้านบุ่งเขียว อ.ชานุมาน ในวันเสาร์ โดยสั่งให้เอาเงินใส่ในถุงอาหารแมว จะให้ท้าวพัน ลูกเขยท้าวไก้ เป็นคนมารับเงิน

จนกระทั่งวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563เวลา 16.00น. นายวรเชษฐ์ฯโอ๋ พร้อมด้วยกำลังตำรวจ เข้าจุดนักหมายที่บริเวณตลาดนัดเป็นไปตามคาด พบท้าวพันยืนซื้อของใช้ส่วนตัวบริเวณตลาด นายวรเชษฐ์ฯ จึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับยื่นถุงอาหารแมวให้กับท้าวพัน และนำถุงอาหารแมวใส่ลงในตะกร้าพลาสติกที่ตนเองถือติดตัวอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมท้าวพัน โคตรสมบัติ อายุ 33 ปี ที่อยู่บ้านนายูง ม.สองคอน ข.สะหวันนะเขต สปป.ลาว พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 12,000 เม็ด
ท้าวพันฯ ให้การรับสารภาพว่า เป็นราษฎรบ้านนายูง ม.สองคอน ข.สะหวันนะเขต สปป.ลาว ได้รับการว่าจ้างจากนางปาน ซึ่งเป็นอาของตน ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดของท้าวไก้ ให้ตนเองมารับเงินค่ายาบ้าจากนายวรเชษฐ์ฯ โดยนั่งเรือหางยาวข้ามฟากมามา เพื่อรับเงินค่ายา โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเงินเมื่อทำงานสำเร็จ แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวก่อน ตำได้แจ้งข้อหาว่า ร่วมกันกับนายวรเชษฐ์มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย
วันที่ 4 มีนาคม 2563เวลาประมาณ 00.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้จับกุมตัวผู้ต้องหา 3 คน คือ๑.นายศักดาหรือปี๊ด โยรัมย์ อายุ ๒5 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/1 หมู่ที่ ๑0 ต.แคนดง อ.แคนดง จว.บุรีรัมย์ ๒.นายพิสิทธิ์หรือต๋อง ดุงรงค์รัตน์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ที่ 13 ต.แคนดง อ.แคนดง จว.บุรีรัมย์ ๓.นายชิวนัสหรือชิว วินา อายุ ๑๗ ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ที่ 13 ต.แคนดง อ.แคนดง จว.บุรีรัมย์ พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน ๕ มัด (ประมาณ ๑๐,๐๐๐ เม็ด) สถานที่เกิดเหตุ ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จว.บุรีรัมย์

โดยการจับกุม ได้สืบสวนขยายผลเพิ่มเติม โดยมี “สายลับ”ซึ่งได้ล่อซื้อจากนายน้อย ไม่ทราบชื่อสกุล แต่ทราบว่าเป็นชาวลาว ให้เดินทางมารับยาเสพติด จำนวน 50 มัด กับ ยาไอซ์ จำนวนหนึ่ง เพื่อให้สายลับนำไปส่งต่อให้ลูกค้าพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้ร่วมสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ เพื่อวางแผนการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว
ต่อมา วันที่ 5 มีนาคม 2563เจ้าหน้าตำรวจ กก.สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ, สภ.ลืออำนาจ, ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์, ภ.จว.ยโสธร, กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.3, ตชด.215, 216 และเจ้าหน้าที่ทหารทก.กกล.สุรนารี พร้อมพวกร่วมกันจับกุมตัว 1.นายศิวานนท์ หรือบาส ปรากฎ อายุ 19 ปี ที่อยู่ 74 ม.4ต.โคกกลาง อ.ลืออำนาจ จว.อำนาจเจริญ2.นายสุรัช หรือจิ้ม บุญเรือง อายุ 22 ปี ที่อยู่ 153 ม.3 ต.ไก่คำ อ.เมือง จว.อำนาจเจริญพร้อมของกลาง 1.ยาบ้า จำนวน 50 มัด ประมาณ 100,000 เม็ด 2.สารไอซ์ 2 ถุง น้ำหนัก 275 กรัม 3.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น MU-X สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1คัน โดยจับกุมที่บริเวณถนนชยางกูรบ้านเครือซูด (บริเวณป้ายบ้านกุดสิม) ต.โคกกลาง อ.ลืออำนาจ จว.อำนาจเจริญ พร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายฯ”
จากการจับกุมครั้งนี้ได้สืบสวนขยายผล ทำให้ทราบว่ามีนักค้ายาเสพติดชาวลาวมีพฤติการณ์นำยาเสพติดเข้ามาขายตามแนวชายแดนไทย-ลาว และยังส่งไปขายในพื้นที่ตอนในของประเทศ ซึ่งเป็นเครือข่ายของนายน้อย (ชาว สปป.ลาว) ชุดจับกุมจึงวางแผนทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยให้สายลับติดต่อกับนายน้อย ราษฎรชาวลาว (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง)

นอกจากนั้นยังมีการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพิ่มเติมดังนี้ จุดที่ 1 ที่ ถนนข้างโรงเรียนเสนศิริอนุสรณ์ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จับกุม 1.นายวีรยุทธ์ หรือนุ อาจทวีกุล อายุ34 ปี อยู่ที่ 89 ม.2 ต.ห้วยราช อ.ห้วยราช จว.บุรีรัมย์ 2.นายบรรพต หรือเป้กอยู่ยอด อายุ 28 ปี อยู่ที่ 53 ม.2 ต.ห้วยราช อ.ห้วยราช จว.บุรีรัมย์ *ของกลาง -ยาบ้า 6,000 เม็ด -รถจักรยานยนต์ 1 คัน
จุดที่ 2 ที่ หลักกิโลเมตรที่ 41 ถนน 2378 ม.5 ต.นิคม อ.เมือง จว.บุรีรัมย์ 1.นายอาทิตย์ เหยียดรัมย์ อายุ 19 ปี 151/2 ต.สตึก อ.สตึก จว.บุรีรัมย์ 2.น.ส.ดาริน บุญถนอม อายุ 15 ปี 82/1 ม.2 ต.เมืองแก อ.สตึก จว.บุรีรัมย์ 3.นายธนกฤต ชัยพฤกษ อายุ 39 ปี 136/5 ม.9 ต.นิคม อ.สตึก จว.บุรีรัมย์ *ของกลาง -ยาบ้า 2,000 เม็ด -รถจักรยานยนต์ 2 คัน
จุดที่ 3 ที่ หลักกิโลเมตรที่ 91ถนน 2226 ม.11 ต.นิคม อ.เมือง จว.บุรีรัมย์ 1.น.ส.ตุนา ผาปรางค์ อายุ 36 ปี 165 ม.1 ต.ขุย อ.ลำทะเมนชัย จว.บุรีรัมย์ 2.นายนิติเทพ คำแพง อายุ ปี 165 ม.1 ต.ขุย อ.ลำทะเมนชัย จว.บุรีรัมย์ 3.นายธนทัต ด้วงขุย อายุ 21 ปี 171/9 ต.สนามบิน เขตดอนเมือง กทม. *ของกลาง -ยาบ้า 4,000 เม็ด -รถยนต์กระบะ 1 คัน -รถจักรยานยนต์ 1 คัน

พลตำรวจโทพูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้กล่าวฝากขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่ง ในการแจ้งเบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถานประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599, สายด่วน 191 และ Application Police I lert U ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และลดปัญหายาเสพติด ในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป

ทีมข่าวอาชญากรรม MC.news.com รายงาน