ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสมโภชน์ เสือสูงเนิน อายุ 54 ปี ชาวบ้าน ว่ามีชาวบ้านในพื้นที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพ หลอกลวงเหยื่อเพื่อหาซื้อที่ดิน แล้วพานั่งรถเก๋งตระเวนก่อนป้ายยา และให้ไปเอาถอนเงินเสียเงินจำนวน 7 หมื่นบาท ก่อนปล่อยตัวทิ้งไว้หน้าโรงพักตำรวจ สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในละแวกตำบลมะเกลือเก่า อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาเป็นอย่างมาก 

ผู้สื่อข่าวได้พบกับนางสำลี ชุ่มสูงเนิน อายุ 42 ปี อาชีพเลี้ยงวัว ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกป้ายยาและสูญเสียทรัพย์เกือบ 1 แสนบาท เล่าให้ฟังว่า ได้ถูกมิจฉาชีพจำนวน 5 คน เป็นชาย 4 รายและผู้หญิง 1 ราย อายุประมาณ 50-60 ปี ได้รถเก๋ง toyota วีออส สีบรอนซ์ ทะเบียน พษ 3990 กรุงเทพฯ ได้ใช้สารบางชนิดป้ายยาตน และหลอกเงินไปจำนวน 70,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 11.00 น. ที่บ้านเลขที่ 235 หมู่ที่ 20 บ้านวังรางใหญ่พัฒนา ตำบลมะเกลือเก่า อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา

นางสำลีเล่าต่อว่าวายร้ายที่เป็นกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ มีพฤติกรรมขับเก๋งเข้ามาตะเวนเข้ามาในหมู่บ้าน และเมื่อมาพบกับกับตนก็เข้ามาตีสนิทพูดคุยทำทีว่าจะขอซื้อวัวที่ตนเลี้ยง หลังจากนั้นได้มีการขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อ ก่อนที่จะทำทีให้หาที่ดินที่มีพื้นที่ประมาณ 40 ไร่ พร้อมทั้งเสนอให้ค่านายหน้าให้ตน 1 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นก็พยายามติดต่อกับเจ้าของที่ดินหลายเจ้า แต่ปรากฏว่าไม่ถูกใจ และสุดท้ายก็ต้องหาที่เอง โดยมีตัวละครที่เป็นพวกมิจฉาชีพ ทำทีเป็นว่ารู้จักเจ้าของที่ดินผืนนี้ และอาสาว่าจะพาไปหาเจ้าของที่ดินที่จะซื้อดังกล่าว ซึ่งเป็นใครตนเองก็ไม่รู้จัก มีการเสนอขายไร่ละ 3 แสนบาท บนเนื้อที่ 40 ไร่ เป็นเงิน 12 ล้าน แต่ต้องวางเงินมัดจำนวนหนึ่งล้านบาท

กลุ่มมิจฉาชีพทั้งหมดได้บอกกับนางสำลีว่า มีเงินสดอยู่แค่ 9 แสนบาท ขาดอีกหนึ่งแสน จะครบ 1 ล้าน จึงได้เอ่ยปากขอยืมเงิน นางสำลี 1 แสน แต่นางสำลีมีให้แค่ 70,000 บาท และบอกว่าหากขายที่ได้ ก็จะเอาเงินคืนให้พร้อมกับเปอร์เซ็นต์ ที่เป็นค่านายหน้า ซึ่งนางสำลีหลงเชื่อ จึงได้นั่งรถเก๋งไปเบิกเงินที่ธนาคารออมสิน สาขาปักธงชัย โดยให้นางสำลีเจ้าของบัญชีไปเบิก ส่วนกลุ่มมิจฉาชีพวายร้ายจะอยู่ภายในรถ หลังจากเบิกเงินเสร็จ ก็ได้ขับรถพานางสำลีวนอยู่ในพื้นที่ประมาณ 2-3 รอบ กลุ่มมิจฉาชีพได้ให้ผู้เสียหายไปถ่ายเอกสาร และ ซื้อน้ำดื่มกิน และในช่วงเวลานั้นนางสำลีเล่าว่า รู้สึกว่าควบคุมตัวไม่ได้เหมือนหลับๆตื่นๆ มารู้สึกตัวสะดุ้งตื่นอีกที ก็พบว่าตนเองถูกทิ้งอยู่หน้าโรงพัก สภ.ปักธงชัย  จึงได้ตั้งสติและลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และรู้ว่าตัวเองถูกหลอกลวงและป้ายยาที่เป็นสารเคมี จึงโทรศัพท์แจ้งแฟนและญาติ ให้พาเข้าแจ้งความกับตำรวจ  สภ.ปักธงชัย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามวายร้ายแก๊งนี้มาดำเนินคดีต่อไป

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามชาวบ้านพบว่าในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะนครราชสีมา พบมีเหยื่อที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพแก๊งนี้หลอกลวงโดยใช้วิธีการเดียวกัน โดยแต่ละรายจะถูกหลอกเป็นวงเงินจำนวน 70,000-200,000 บาท จึงฝากเตือนภัยชาวบ้านให้ระวังมิจฉาชีพแก๊งนี้ด้วย

ทีมข่าว ศุภชัย อรชร