พื้นที่โฆษณา

กระทรวงสาธารณสุขย้ำ !! มาตรการเข้ม 1 พ.ย. 64 เปิดประเทศวันแรก ขอให้ประชาชนป้องกันตนเองสูงสุด ทุกกิจการใช้มาตรการ COVID Free Setting ลดการติดเชื้อ  ส่วนกรุงเทพมหานคร เชิญผู้ประกอบการลงทะเบียนร่วมโครงการ SHA สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว รับเปิดประเทศ  ศบค. เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  รวมทั้งพื้นที่สีฟ้า 17 จังหวัด นำร่องท่องเที่ยว ตั้งเป้าครอบคลุม 70% ในเดือนเดือน พ.ย. 64…มาอีกแล้ว วัคซีน Modernaล็อตแรก 560,000 โดส บริษัทผู้ผลิตส่งมอบองค์การเภสัชกรรม เพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนในประเทศไทย!!ส่วนยอดติดเชื้อวันนี้ลด 7,574 ราย หายป่วย  8,279 รายเสียชีวิต  78 ราย!!

พื้นที่โฆษณา

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด –19  วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2564  ตรวจพบมีผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 7,574 ราย จำแนกเป็น  ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 6,793 ราย  ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 256 ราย  ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 515 ราย  ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 10 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,898,900 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)  แพทย์รักษาหายป่วยกลับบ้าน 8,279 ราย  รวมยอดหายป่วยสะสม 1,782,555 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)  มีผู้ป่วยกำลังรักษาอยู่ 98,444 ราย วันนี้มีผู้เสียชีวิต 78 ราย

พื้นที่โฆษณา

ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลกเมื่อวาน วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 247,461,079 ราย มีอาการรุนแรง 72,705 ราย คณะแพทย์รักษาหายแล้ว 224,126,445 ราย มียอดผู้เสียชีวิต 5,014,947 ราย จัดอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดได้แก่  1. สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อ จำนวน 46,823,938 ราย  2. อินเดีย มีผู้ติดเชื้อ จำนวน 34,285,612 ราย  3. บราซิล มีผู้ติดเชื้อ จำนวน 21,810,855 ราย  4. สหราชอาณาจักร มีผู้ติดเชื้อ จำนวน 9,057,629 ราย  5. รัสเซีย มีผู้ติดเชื้อ จำนวน 8,513,790 ราย  สำหรับประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อ จัดอยู่ในอันดับที่ 24 จำนวน 1,920,189 ราย

พื้นที่โฆษณา

สำหรับประเทศไทยรายงานจากศูนย์ข้อมูลCOVID19 ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ MOPH-IC มีจำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. – 31 ต.ค. 2564) รวม 75,710,277 โดส ใน 77 จังหวัด สำหรับภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ปรากฏว่ามียอดฉีดทั่วประเทศรวม 320,719 โดส    เป็นการฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 141,330 ราย  ฉีด เข็มที่ 2 จำนวน 167,820 ราย   ฉีดเข็มที่ 3 จำนวน 11,569 ราย  จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 42,388,465 ราย  จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 30,911,219 ราย  จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 2,410,593 ราย

พื้นที่โฆษณา

ศบค. เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  รวมทั้งพื้นที่สีฟ้า 17 จังหวัด นำร่องท่องเที่ยว ตั้งเป้าครอบคลุม 70% ในเดือนเดือน พ.ย. 64 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 ศบค. เปิดเผยว่า มีโครงการเร่งด่วนที่จะฉีดวัคซีนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มุ่งเน้นไปที่พื้นที่ติดแนวชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังมีอัตราการฉีดวัคซีนค่อนข้างน้อยจึงต้องเร่งฉีดวัคซีนโดยด่วน นอกจากนี้ พื้นที่สีฟ้า 17 จังหวัด มีเพียงไม่กี่จังหวัดที่มีอัตราการฉีดวัคซีนไม่ถึงเกณฑ์เป้าหมายที่ 70 % ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ ขอให้ 17 จังหวัดพื้นที่สีฟ้าเร่งฉีดวัคซีนให้ทันตามเป้าหมาย ภายในเดือน พ.ย. 64 ขณะที่ องค์การเภสัชกรรม มีรายงานด่วนแจ้งว่า บ.แซดพี เทอราพิวติกส์ พร้อมส่งมอบวัคซีน Modernaล็อตแรก 560,000 โดส ให้แก่องค์การเภสัชกรรมเพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนในประเทศไทย

กระทรวงสาธารณสุขย้ำ !! มาตรการเข้ม 1 พ.ย. 64 เปิดประเทศวันแรก ขอให้ประชาชนป้องกันตนเองสูงสุด ทุกกิจการใช้มาตรการ COVID Free Setting ลดการติดเชื้อ โดยนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน 64 จะเป็นวันแรกที่เปิดประเทศรับผู้เดินทางและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งล่าสุด ศบค.ได้ปรับระดับสถานการณ์ย่อยแต่ละพื้นที่เพื่อรองรับการเปิดประเทศ โดยลดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เหลือ 7 จังหวัด เนื่องจากยังมีการติดเชื้อสูง โดยยังห้ามออกนอกเคหสถาน เวลา 23.00 – 03.00 น. ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ครอบคลุม เพื่อควบคุมโรคและลดการแพร่เชื้อ ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) เพิ่มขึ้นเป็น 38 จังหวัดพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 23 จังหวัด

พื้นที่สีเหลืองและสีฟ้า กิจการกิจกรรมหลายๆ อย่างสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้เกือบปกติ แต่พื้นที่สีเหลืองยังไม่ได้เปิดให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ส่วนพื้นที่สีฟ้าแม้จะดื่มในร้านอาหารได้ แต่ได้มอบให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครพิจารณาออกแนวทางการให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารอย่างปลอดภัย เพื่อลดการแพร่เชื้อโควิด 19 อย่างไรก็ตาม หากงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้จะดีที่สุด เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดการถอดหน้ากาก และทำให้ขาดสติ การป้องกันตนเองลดลง ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อยู่ระหว่างให้ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อม ทั้งนี้ ยังต้องเข้มมาตรการ COVID Free Setting เพื่อให้เป็นสถานที่ปลอดโควิด ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน เพื่อลดการแพร่ระบาด เปิดประเทศอย่างปลอดภัย

กรุงเทพมหานคร เชิญผู้ประกอบการลงทะเบียนร่วมโครงการ SHA สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว รับเปิดประเทศ  โดยนายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามที่ รัฐบาลมีแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นั้น เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD-19) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาใช้บริการ จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เข้ารับการประเมินมาตรฐาน Amazing Thailand Safety and Health Administration (SHA) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมโรค ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้รับประสบการณ์ที่ดี และมั่นใจในความปลอดภัยด้านสุขอนามัย จากสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยนำมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขผนวกกับมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพของสถานประกอบการ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัส COVID-19 และยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทย โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมการออกตราสัญลักษณ์ ให้แก่ผู้ประกอบการสำหรับสถานประกอบการในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ได้รับมาตรฐานSHA และ SHA Plus ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2564 มีสถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน SHA จำนวนทั้งสิ้น 3,368 แห่งสำหรับผู้ประกอบการที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับการประเมินได้ทางเว็บไซต์https://www.thailandsha.com/index

#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 #ศูนย์ข้อมูล COVID19 #ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ 

สำนักข่าว MC.news.com รายงาน