พื้นที่โฆษณา

กระทรวงต่างประเทศไทยเดินเครื่อง ใช้ความสัมพันธ์ทางการทูต  สร้างความมั่นใจแก่ต่างประเทศ ว่าไทยมีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ในการเปิดประเทศ โดยขณะนี้มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าร่วมโครงการ Phuket Sandbox จำนวน 48,532 คน สร้างรายได้แก่ไทยมากกว่า 2 พันล้านบาทแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในการเดินทางมาท่องเที่ยวไทย …..ศคบ.เน้นมาตรการที่ต่างชาติเดินทางเข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ ร่างกายควรมีความพร้อมในด้านสาธารณสุข พร้อมความตั้งใจจริง ….ด้าน”หมอยง”ยืนยันว่า Molnupiravir เป็นยารับประทานที่มีประสิทธิภาพ  สามารถลดการนอนโรงพยาบาล และเสียชีวิตของผู้ป่วย covid-19 ลงครึ่งหนึ่ง  ถ้าให้ยานี้ภายใน 5 วันหลังเริ่มมีอาการ…. รายงานสถานการวันนี้มียอดการติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 9,122 ราย เสียชีวิต  71ราย หายป่วย 10,731 ราย!!

พื้นที่โฆษณา

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด –19 วันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2564 ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 9,122 ราย ทำให้ประทศไทยมีผู้ป่วยสะสม จำนวน  1,774,071 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)  แพทย์ทำการรักษาหายป่วยกลับบ้าน 10,731 ราย  รวมหายป่วยสะสม 1,651,555 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)มีผู้ป่วยกำลังรักษาอยู่ 105,546 ราย วันนี้มีผู้เสียชีวิต 71 ราย ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลกเมื่อวาน วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวม 241,471,559 ราย มีอาการรุนแรง 78,675 ราย  แพทย์รักษาหายแล้ว 218,700,016 ราย มีผู้เสียชีวิต 4,914,092 ราย  รายงานการติดเชื้ออันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด  1. สหรัฐอเมริกา ติดเชื้อ จำนวน 45,792,532 ราย  2. อินเดีย ติดเชื้อ จำนวน 34,081,049 ราย  3. บราซิล ติดเชื้อ จำนวน 21,644,464 ราย  4. สหราชอาณาจักร ติดเชื้อ จำนวน 8,449,165 ราย  5. รัสเซีย ติดเชื้อจำนวน 7,992,687 ราย   สำหรับประเทศไทย ติดเชื้อจัดอยู่ในอันดับที่ 24 จำนวน 1,793,812 ราย

พื้นที่โฆษณา

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 ศูนย์ข้อมูลCOVID19 ได้รายงานการฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ โดยมีจำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. – 17 ต.ค. 2564)รวม 65,677,794 โดส ใน 77 จังหวัด โดยภาพรวมของยอดฉีดวัคซีน วันที่ 17 ตุลาคม 2564 มียอดฉีดทั่วประเทศ 475,053 โดส   เป็นการฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 238,015 ราย  ฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 217,372 ราย  ฉีดเข็มที่ 3 จำนวน 19,666 ราย  ทั้งนี้มีผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม จำนวน 37,684,728 รายผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม จำนวน 26,042,573 ราย ผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม จำนวน 1,950,493 ราย

พื้นที่โฆษณา

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ก เรื่อง “ โควิดกับการรักษาด้วยยา Molnupiravir ระบุ เราจะต้องมีชีวิตอยู่กับ COVID-19 วัคซีนช่วยลดความรุนแรงของโรค ทำให้อัตราการความรุนแรงของโรค และ เสียชีวิตลดลง ยังมีการพัฒนายามาช่วยลดความรุนแรง และการเสียชีวิต ลดการแพร่กระจายเชื้อ โดยยืนยันว่า Molnupiravir เป็นยารับประทานที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดการนอนโรงพยาบาล และเสียชีวิตของผู้ป่วย covid-19 ลงครึ่งหนึ่ง  ถ้าให้ยานี้ภายใน 5 วันหลังเริ่มมีอาการ”

พื้นที่โฆษณา

“นอกจากนี้ มีการศึกษาชัดเจนว่า Molnupiravir ยังช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อได้ ผู้ที่ทานยา Molnupiravir 400 หรือ 800 mg เช้าเย็น ไม่สามารถเพาะเชื้อขึ้นในวันที่ 5 หลังเริ่มทานยา เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้ยาหลอก หรือไม่ได้รับประทานยา จะยังเพาะเชื้อขึ้น ได้ 11 เปอร์เซ็นต์  ขณะนี้ยายังรอ การรับรองให้ใช้ จากองค์การอาหารและยา USA ยามีราคาแพง ในอนาคตบริษัทในอินเดีย ได้รับอนุญาตให้ผลิตถึง 5 บริษัทจะทำให้ยาราคาถูกลง ความฝันในอนาคตที่ทำวัคซีน และยารักษา จะทำให้ลดความรุนแรงโรคลงได้ โรคนี้ก็จะเป็นโรคทางเดินหายใจโรคหนึ่ง ที่อยู่กับเรา”

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.)ได้เน้นแนวทางการสร้างความเข้าใจง่ายเพื่อรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร แบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ จะต้องเป็นผู้ เดินทางมาจากประเทศที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และทางอากาศเท่านั้น ต้องมีเอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์   มีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันไม่พบเชื้อโควิด  มีใบจองที่พัก และเมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยานต้อง โหลดแอปพลิเคชันที่กำหนด พร้อมตรวจหาเชื้อ โดยวิธี RT-PCR ในวันที่ 0-1 เมื่อผลการตรวจหาเชื้อ ไม่พบเชื้อ สามารถเดินทางได้ตามความต้องการ

มีรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงการใช้ความสัมพันธ์ทางการทูต  เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ต่างประเทศ แสดงว่า ไทยมีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ในการเปิดประเทศ  ประการแรกการสร้างความเชื่อมั่นกับนานาประเทศนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการสื่อสารกับต่างชาติเพื่อแสดงพัฒนาการในเชิงบวกของไทย ตั้งแต่ระดับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้หยิบยกประเด็นด้านสถานการณ์โควิด-19 และความร่วมมือด้านวัคซีน vaccine diplomacy

พื้นที่โฆษณา

การหารือเป็นไปแบบทวิภาคีกับประเทศคู่เจรจาเกือบ 20 ประเทศ ในระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 76 เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งประเทศต่าง ๆ แสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับไทยในด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 ต่อไป รวมถึงสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ที่ได้ชี้แจงทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ พัฒนาการของไทย และดำเนินกิจกรรมประชาสัมพันธ์การเดินทางเข้าประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความมั่นใจด้านการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

ประการที่ 2 กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหนึ่งในหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบหลักในการกำหนดมาตรการเดินทางเข้าประเทศไทย ก็ได้อำนวยความสะดวกด้านการเดินเข้าประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล  ซึ่งช่วยให้ผู้เดินทางชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ อาทิ การออกเอกสาร COE สำหรับผู้เดินทางชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนเป็นระบบ Thailand Pass ที่จะมีความทันสมัยและเพิ่มความสะดวกต่อผู้เดินทางยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ รวมทั้งการตรวจลงตราประเภทต่าง ๆ

นอกจากนั้นยังอนุมัติให้ผู้เดินทางจากทุกประเทศ/พื้นที่ทั่วโลก สามารถเดินทางเข้าร่วมโครงการท่องเที่ยวนำร่อง (sandbox) ต่าง ๆ ของไทยได้ โดยจากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าร่วมโครงการ Phuket Sandbox แล้วจำนวนถึง 48,532 คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในการเดินทางมาท่องเที่ยวไทยที่เพิ่มมากขึ้น โดยโครงการดังกล่าวได้สร้างรายได้แก่ไทยมากกว่า 2 พันล้านบาทแล้ว  ยังได้ให้การต้อนรับการเยือนของคณะผู้แทนระดับสูงจากหลายประเทศที่มาเยือนประเทศไทย ภายใต้การคัดกรองและควบคุมด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของประเทศต่าง ๆ ที่มีต่อไทยได้เป็นอย่างดี

#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 #ศูนย์ข้อมูลCOVID19 #ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ 

สำนักข่าว MC.news.com รายงาน