ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด –19 วันอังคารที่ 28 กันยายน 2564 ตรวจพบมีผู้ติดเชื้อใหม่รวม 9,489 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 8,823 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 387 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 269 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 10 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,552,552 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 12,805 ราย หายป่วยสะสม 1,420,780 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)ผู้ป่วยกำลังรักษา 116,711 ราย เสียชีวิต 129 ราย
ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลกเมื่อวานนี้วันจันทร์ที่ 27 กันยายน 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 232,596,030 ราย มีอาการรุนแรง 93,240 ราย แพทย์รักษาหายแล้ว 209,219,177 ราย มีผู้เสียชีวิต 4,761,864 ราย จัดอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดได้แก่ 1. สหรัฐอเมริกา ติดเชื้อ จำนวน 43,750,983 ราย 2. อินเดีย ติดเชื้อจำนวน 33,678,243 ราย 3. บราซิล ติดเชื้อจำนวน 21,351,972 ราย 4. สหราชอาณาจักร ติดเชื้อ จำนวน 7,664,230 ราย 5. รัสเซีย ติดเชื้อ จำนวน 7,420,913 ราย สำหรับประเทศไทย มีผู้ติดเชื้ออยู่ในอันดับที่ 28 จำนวน 1,571,926 ราย
รายงานการฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติในประเทศไทย ในขณะนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 รายงานว่าจำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. – 26 ก.ย. 2564)รวม 50,566,651 โดส ใน 77 จังหวัด โดยภาพรวมยอดฉีดวัคซีนเมื่อวันวาน วันที่ 26 กันยายน 2564 มียอดฉีดทั่วประเทศ โดส ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 62,276 ราย ฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 97,061 รายฉีด เข็มที่ 3 จำนวน 16,586 ราย ฉีดเข็มที่ 4 จำนวน 3 ราย โดยมีจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 31,548,310 รายจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 17,891,858 รายจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 1,125,675 รายจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 4 สะสม : 808 ราย
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 และฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ มีแผนงานการฉีดวัคซีนโควิดในช่วงเดือน ต.ค.- ธ.ค. 64 ให้ได้จำนวน 126.2 ล้านโดส ให้กับประชากรไทย 70 ล้านคน ซึ่งจะได้รับวัคซีนทั้งหมด 62 ล้านคน กำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนภายในปี 64 ดังนี้ ให้ครอบคลุมผู้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในเดือน พ.ย. 64 ร้อยละ 70 เดือน ธ.ค. 64 ร้อยละ 80 ให้ครอบคลุมผู้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ธ.ค. 64 ร้อยละ 70 – ผู้ที่ฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็ม และผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดได้รับเข็มกระตุ้น 1 เข็ม จัดสรรเดือนละ 1-2 ล้านโดส ตั้งแต่ ต.ค. – ธ.ค. 64
สำหรับมาตรการผ่อนปรนคลายล๊อคกิจการและกิจกรรม พื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดชลบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดตาก จังหวัดนครปฐม จังหวัดนครนายก จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนราธิวาส จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดปัตตานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดยะลา จังหวัดระยอง จังหวัดราชบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดสงขลา จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสระบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทอง โดยเริ่ม 1 ต.ค. 64 เป็นต้นไป
โดยปฏิบัติห้ามออกนอกเคหสถาน เวลา 22.00-04.00 น.อย่างน้อย 15 วัน ห้ามรวมคนมากกว่า 25 คน การบริโภคในร้านอาหารได้ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ นั่งได้ 75% มีเครื่องปรับอากาศ นั่งได้ 50% เล่นดนตรีได้ เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. (งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร) ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. (งดตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม สวนสนุก สวนน้ำ และห้องประชุม/จัดเลี้ยง) ร้านเสริมสวย ร้านนวด สปา สถานเสริมความงาม เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. ยกเว้นการใช้ไอน้ำ สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่ กิจกรรมที่มีการรวมคน ให้ผ่านความเห็นชอบจากผู้แทน ก.ศธ. และ ก.อว. ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. สถานที่เล่นกีฬา หรือแข่งขันกีฬา เปิดดำเนินการได้ทุกประเภทกีฬา ไม่เกิน 21.00 น. จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมจัดการแข่งขัน
#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 #ศูนย์ข้อมูลCOVID19 #ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ
สำนักข่าว MC.news.com รายงาน