ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด –19วันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564 พบยอดผู้ติดเชื้อรวม 14,403 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 12,770 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 1,275 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 341 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 17 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,324,090 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 15,610 ราย หายป่วยสะสม 1,169,965 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)ผู้ป่วยกำลังรักษา 141,642 ราย เสียชีวิต 189 ราย
ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลกเมื่อวานนี้ วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน 2564 เวลา 10.00 น. ยอดผู้ติดเชื้อรวม 223,381,096 ราย อาการรุนแรง 104,023 ราย รักษาหายแล้ว 199,894,591 ราย เสียชีวิต 4,608,897 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 41,397,587 ราย 2. อินเดีย จำนวน 33,138,856 ราย 3. บราซิล จำนวน 20,928,008 ราย 4. สหราชอาณาจักร จำนวน 7,094,592 ราย 5. รัสเซีย จำนวน 7,065,904 ราย สำหรับประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 29 จำนวน 1,338,550 ราย
รายงานการฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติในประเทศไทยขณะนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 รายงานว่ามีจำนวนการได้รับการฉีดวัคซีนสะสม (28 ก.พ. – 8 ก.ย. 2564) รวม 38,174,738 โดส ใน 77 จังหวัด ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 8 กันยายน 2564 ยอดฉีดทั่วประเทศ 713,454 โดส ฉีดเข็มที่ 1 จำนวย 338,105 ราย ฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 372,592 ราย ฉีดเข็มที่ 3 จำนวน 2,757 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 26,292,211 ราย (จำนวนผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมด)จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 11,272,593 ราย(จำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์) จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 609,943 ราย
ศูนย์การฉีดวัคซีนเพื่อชาติมีคำแนะให้กับผู้ฉีดวัคซีนในเรื่องของอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นจจากการฉีกดวัคซีน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกร็ดเลือดต่ำภายหลังการฉีดวัคซีน อาจเกิดอาการขึ้นได้แต่มีอาการน้อยมาก สามารถรักษาหายหากมีการวินิจฉัยของแพทย์อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบประโยชน์ของการฉีดวัคซีนแล้วสามารถป้องกันความรุนแรงของโรคโควิดได้มากกว่า สำหรับผู้มีอาการหลังฉีดเช่นปวดศีรษะรุนแรง ปากหรือหน้าเบี้ยว เจ็บหน้าอก หายใจติดขัด ขาบวม ปวดท้องรุนแรง หรือพบมีจุดเลือดออก ภายหลังฉีดวัคซีน 4-30 วัน ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน
นอกจากนั้นยังมีคำแนะนำผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือภาวะหัวใจล้มเหลว ควรปรึกษาแพทย์ประเมินภาวะของโรคก่อนฉีดวัคซีน mRNAหากมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ใจสั่น หายใจหอบ ภายใน 30 วัน หลังได้รับวัคชีน mRNA ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ วัคซีน mRNA โดยฉีดจะมีผลข้างเคียงดังกล่าวเกิดขึ้นได้แต่น้อยมากผลประโยชน์ที่ได้จากการฉีดวัคซีนนั้นมีมากกว่า ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนต่อไป
ราย#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 #ศูนย์ข้อมูลCOVID19 #ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ
สำนักข่าว MC.news.com รายงาน