พื้นที่โฆษณา

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด –19วันอังคารที่ 7 กันยายน 2564 พบผู้ป่วยติดเชื้อรวม 13,821 ราย จำแนกเป็นการติดเชื้อใหม่ 13,303 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 518 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,279,480 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 16,737 ราย หายป่วยสะสม 1,122,169 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 145,465 ราย เสียชีวิต 241 ราย

พื้นที่โฆษณา

ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลกเมื่อวานนี้ วันจันทร์ที่ 6 กันยายน 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 221,542,850 ราย  มีอาการรุนแรง 105,498 ราย แพทย์รักษาหายแล้ว 198,036,657 ราย เสียชีวิต 4,581,744 ราย   อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดได้แก่ 1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 40,805,259 ราย 2. อินเดีย จำนวน 33,027,136 ราย 3. บราซิล  จำนวน 20,890,779 ราย  4. รัสเซีย  จำนวน 7,012,599 ราย 5. สหราชอาณาจักร  จำนวน 6,978,126 ราย สำหรับประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 29 จำนวน 1,294,522 ราย

พื้นที่โฆษณา

รายงานการฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติในประเทศไทยขณะนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 รายงานว่ามีจำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. – 5 ก.ย. 2564)รวม 35,912,894 โดส ใน 77 จังหวัด ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 5 กันยายน 2564 ยอดฉีดทั่วประเทศ 325,218 โดส  ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 129,317 ราย ฉีดเข็มที่ 2 : 195,241 ราย  ฉีดเข็มที่ 3 จำนวน 660 รายจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม จำนวน 25,234,259 ราย(จำนวนผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมด)จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม :จำนวน 10,074,612 ราย(จำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์) จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสมจำนวน 604,023 ราย

พื้นที่โฆษณา

กระทรวงสาธารณสุขมีรายงานว่า โดยสรุปถึงวันี้คนไทยฉีดวัคซีนเข็มที่1 จำนวน 25,234,259 ราย คิดเป็น 50.5% จากกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้ 50,000,000 ราย โดยแบ่งเป็น บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 882,424 ราย เจ้าหน้าที่ด่านหน้า 1,078,786 ราย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 663,702 ราย ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค 2,940,593 ราย ประชาชนทั่วไป 14,373,801 ราย ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 5,246,427 ราย หญิงตั้งครรภ์ 48,526 ราย

พื้นที่โฆษณา

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(โควิด-19)หรือศบค.กล่าวหลังการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า จากมาตรการที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากประชาชนในระดับหนึ่ง ทำให้สถานการณ์จริงเป็นไปตามคาด ผู้ติดเชื้อกรณีประชาชนให้ความร่วมมือร้อยละ 25 ถือว่าต่ำกว่ากราฟผู้ติดเชื้อที่มีการคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้  แต่เมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการก็ขอให้ประชาชนป้องกันตัวเองให้ดี การ์ดอย่าตก ไม่เช่นนั้นแรงเฉื่อยจะทำให้ช่วงปลายเดือน ก.ย. กับต้นเดือน ต.ค. ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะพุ่งขึ้นกลับมาอีก และหากคุมไม่ดีอาจไปแตะ 3 หมื่นคนต่อวัน ขณะที่ผู้เสียชีวิตในปัจจุบันก็สอดคล้องกับเส้นกราฟที่มีการคาดการณ์กันไว้ในกรณีประชาชนให้ความร่วมมือร้อยละ 25 แต่เดือน ต.ค.ยอดอาจจะพุ่งได้เช่นกัน

พื้นที่โฆษณา
พื้นที่โฆษณา

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขอให้ทุกคนได้ติดตามสถานการณ์จากที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ หรือ ต้นสัปดาห์หน้า อาจจะเป็นวันศุกร์ที่ 10 ก.ย.นี้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  ในฐานะ ผอ.ศบค. จะเป็นประธานการประชุมด้วยตัวเอง เพื่อพิจารณาตัวเลขผู้ติดเชื้อในรอบ 14 วันที่ผ่านมา

“ขอย้ำกับว่าวันนี้อาจถือได้ว่าเรากินบุญเก่าของ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราจึงต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะมีผลดีในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้กิจการกิจกรรมต่างๆ สามารถปรับมาตรการ หรือที่สื่อเรียกว่า ผ่อนคลายมาตรการ ขอทุกคนการ์ดอย่าตกเข้มงวดในมาตรการต่างๆ ทุกคนต้องดูแลป้องกันตัวเอง เพื่อไม่ให้สถิติกลับสูงขึ้นไปอีก เพราะในอดีตเราได้เห็นแล้วว่า สถิติที่มีติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นไปถึงวันละ 3 หมื่นคน วันนี้เราสามารถทำให้ลดลง ก็นับเป็นเรื่องดี ขอให้ร่วมด้วยช่วยกันทุกคน เพื่อเป็นพลังของประเทศไทยในการสู้กับโควิด-19 และในที่สุดแล้วเราจะอยู่กับโควิด-19 ได้ เพราะขณะนี้ทฤษฎีด้านการแพทย์ไม่ได้หวังว่าจะกำจัดโควิด-19ไปได้ เช่นเดียวกับ วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ที่จะต้องอยู่คู่กับโลกนี้ โควิด-19 ก็จะมีอยู่ตลอดไป

#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 #ศูนย์ข้อมูลCOVID19 #ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ 

สำนักข่าว MC.news.com รายงาน