พื้นที่โฆษณา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข พร้อมคณะ รับมอบวัคซีน AstraZeneca  470,000 โดส จากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีแล้ว  ขณะที่รัฐบาล”ลุงตู่”ใจดีอนุมัติงบอีก 54,506 ล้านบาท แจกฟรีตามโครงการมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐ 4 โครงการ เพิ่มกำลังซื้อแก่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฟส 3 และ โครงการเพิ่มกำลังซื้อ ให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ จำนวน 2.3 ล้านคน ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 64 และโครงการคนละครึ่ง กับ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้  ปรับเพิ่มวงเงินที่คำนวณ eVoucher เป็น 80,000 บาทต่อคน รวมแล้วไม่เกิน 10,000 บาท วงเงิน 3,000 ล้านบาท !!ส่วนยอดการติดเชื้อวันนี้ลดลงอยู่ที่ 8,918 ราย เสียชีวิต   79 ราย หายป่วย 10,878 ราย!!

พื้นที่โฆษณา

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด –19 วันพุธที่ 20 ตุลาคม 2564ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 8,918 ราย ทำให้ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสม 1,782,989 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)  แพทย์รักษาหายป่วยกลับบ้าน 10,878 ราย   รวมที่รักษาหายป่วยสะสม 1,662,433 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) มีผู้ป่วยกำลังรักษาอยู่ 103,507 ราย  วันนี้มีผู้เสียชีวิต 79 ราย 

พื้นที่โฆษณา

ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลกเมื่อวานวันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 241,876,777 ราย มีอาการรุนแรง 78,505 ราย แพทย์รักษาหายแล้ว 219,205,154 ราย มีผู้เสียชีวิต 4,920,377 ราย จัดอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดได้แก่   1. สหรัฐอเมริกา ติดเชื้อ จำนวน 45,902,575 ราย   2. อินเดีย ติดเชื้อ จำนวน 34,093,387 ราย   3. บราซิล ติดเชื้อจำนวน 21,651,910 ราย   4. สหราชอาณาจักร ติดเชื้อ จำนวน 8,497,868 ราย   5. รัสเซีย ติดเชื้อจำนวน 8,027,012 ราย  สำหรับประเทศไทย ติดเชื้ออยู่ในอันดับที่ 24 จำนวน 1,802,934 ราย

พื้นที่โฆษณา

สำหรับประเทศไทยรายงานจากศูนย์ข้อมูลCOVID19 ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ MOPH-IC มี จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. – 18 ต.ค. 2564)  รวม 66,592,321 โดส ใน 77 จังหวัด  ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 18 ตุลาคม 2564 มียอดฉีดทั่วประเทศ 914,527 โดส   เป็นการฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 452,368 ราย   ฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 431,949 ราย   ฉีด เข็มที่ 3 จำนวน 30,210 ราย  จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 38,137,096 ราย  จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 26,474,522 ราย  จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 1,980,703 ราย

พื้นที่โฆษณา

กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าไทยรับมอบวัคซีนจากสาธารณรัฐเกาหลี AstraZeneca 470,000 โดส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข พร้อมคณะ รับมอบวัคซีน AstraZeneca  470,000 โดส จากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี โดยมีนายลี อุก ฮอน (H.E. Lee Wook-Heon) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย และคณะ เป็นตัวแทนส่งมอบ พร้อมด้วยนางสาวเพ็ญโสม เลิศสิทธิชัย รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยาน

นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์หญิงตั้งครรภ์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ หรือ 3 เดือนขึ้นไป สามารถฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ฟรี ณ สถานบริการของภาครัฐใกล้บ้าน  หรือ ติดต่อรับบริการที่คลินิกฝากครรภ์ในโรงพยาบาลของรัฐ  หลังฉีดวัคซีนสามารถให้นมบุตรได้ทันที ขอให้เชื่อมั่น เชื่อใจ และคลายความกังวล เนื่องจากมีข้อมูลสนับสนุนทางวิชาการ โดยวัคซีนจะช่วยลดการติดเชื้อ ป่วยรุนแรง และลดเสียชีวิตได้ ประโยชน์ที่จะได้จากวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงของวัคชีน  จึงแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์เข้ารับการฉีดวัคซีนได้ ยกเว้น คนที่เคยแพ้รุนแรงจากการฉีดครั้งก่อน  แพ้ส่วนประกอบของวัคซีนรุนแรง

สำนักงานโฆษกกรุงเทพมหานคร รายงานว่า กรุงเทพมหานคร(กทม.)ได้ฉีดวัคซีน เข็มแรกทะลุตามเป้าหมาย เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยว 1 พ.ย.นี้  โดย กทม. ตั้งเป้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนในพื้นที่ กทม. 7.7 ล้านคน เริ่มฉีดมาตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา เริ่มจากบุคลากรที่ทำงานส่วนหน้าเสี่ยงสัมผัสกับผู้ป่วย ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ผู้สูงอายุ กลุ่มอาชีพเสี่ยงและประชาชนทั่วไป โดยฉีดวัคซีนทั้งใน รพ. ศูนย์ฉีดวัคซีนนอก รพ. และการฉีดวัคซีนเชิงรุกในชุมชน เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย กทม. ได้เร่งฉีดวัคซีนเชิงรุกให้กับผู้ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนหรือไม่สะดวกเดินทาง โดยหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ กทม. (รถ BMV)

นอกจากนี้ยังมีบริการฉีดวัคซีนถึงบ้านให้กับผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง และผู้ที่ไม่สะดวกออกจากบ้าน ที่ กทม.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีประชากรและผู้ที่ทำงาน กทม.ได้ฉีดวัคซีนเข็ม 1 แล้วกว่า 8,132,826 ราย และมีผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว 5,437,553 ราย คิดเป็น 70.63 % ของประชากรของ กทม. โดยการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชากรได้เกิน 70% เป็นเป้าหมายสำคัญ เพื่อป้องกันความรุนแรงจากโควิด-19 และเตรียมพร้อมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามายัง กทม. 1 พ.ย. 64 นี้

มีรายงานเพิ่มเติมว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ อนุมัติงบประมาณ 54,506 ล้านบาท สำหรับโครงการมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐ 4 โครงการได้แก่  1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อแก่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฟส 3 ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือในการซื้อสินค้าเพิ่มอีก 300 บาท เป็นเงิน 500 บาท ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 64 วงเงินงบประมาณ 8,122 ล้านบาท   2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อ ให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ จำนวน 2.3 ล้านคน อนุมัติเพิ่มอีก 300 บาท เป็นเงิน 500 บาท ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 64 วงเงินงบประมาณ 1,384 ล้านบาท   3. โครงการคนละครึ่ง เฟส 3  อนุมัติเพิ่มให้อีก 1,500 บาท รวมเป็นเงิน 4,500 บาท โดยใช้สิทธิ์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม 64 หรือจนกว่าจะใช้สิทธิ์เต็ม วงเงินงบประมาณ 42,000 ล้านบาท  4. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้  ปรับเพิ่มวงเงินที่คำนวณ eVoucher เป็น 80,000 บาทต่อคน รวมแล้วไม่เกิน 10,000 บาท วงเงิน 3,000 ล้านบาท                     

#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 #ศูนย์ข้อมูล COVID19 #ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ 

สำนักข่าว MC.news.com รายงาน