วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2562 ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ สมัยที่ 2 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2562 โดยมีร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา พร้อมคณะและข้าราชการประจำ สมาชิกสภา อบจ. 31 คน เข้าร่วมประชุมโดยมีระเบียบวาระที่น่าสนใจคือ วาระที่ 4 เป็นญัตติ เรื่องอนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563

นายประดิษฐ์ กิ่งโก้ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมากล่าวนำเสนอญัตติต่อที่ประชุมมีใจความบางตอนว่า ตามที่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สั่งการให้ อปท.ได้นำเงินสะสมที่มีอยู่มาดำเนินโครงการ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน อันเป็นโครงการที่ประกอบไปด้วย ประเภทโครงสร้างพื้นฐาน,ด้านการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน,ด้านเศรษฐกิจและสังคม,ด้านการท่องเที่ยว และโครงการเพื่อการศึกษา โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาได้สนองตอบนโยบายของรัฐบาล และจัดทำโครงการรวมทั้งสิ้น 150 กว่าโครงการโดยใช้งบประมาณที่จ่ายขาดจากเงินสะสมเป็นจำนวนเงินรวม 250 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่ อบจ.สามารถนำไปใช้จ่ายได้ จำนวน 325 ล้านบาท ฝ่ายบริหารจึงนำโครงการต่างๆเข้าสู่สภาฯเพื่อให้สมาชิกได้อนุมัติโครงการทั้งหมด

นายสมพร จินตนามณีรัตน์ สมาชิกสภา อบจ.เขตอำเภอโนนสูงได้อภิปรายว่า ต้องขอขอบคุณฝ่ายบริหาร ที่ได้ดำเนินการจ่ายขาดเงินสะสม จำนวน 250ล้านบาท ซึ่งคิดว่า อบจ.โคราชจะได้พัฒนาถนนหนทางที่ชำรุดอยู่ในขณะนี้กว่า 2,000 กิโลเมตร แม่จะไม่พอเพียงแต่ก็สามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีสมาชิกสภาจากอำเภอต่างลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนการจัดทำโครงการของผู้บริหาร และได้มีมติเห็นชอบอนุมัติให้จ่ายขาดเงินสะสมโดยมีมติเป็นเอกฉันท์ 31 เสียง

ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายก อบจ.โคราช เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าต้องขอบคุณกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่นที่ไม่ได้กำหนดให้เป็นการดำเนินงานในด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างเดียว แต่ได้กำหนดไว้หลายด้าน เช่นส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน,ในด้านของเศรษฐกิจสังคม ด้านการศึกษา และด้านการท่องเที่ยว รวมทุกโครงการเป็นเงิน 250 ล้านบาท แต่ก็มีบางโครงการที่มีมูลค่าของงานต่ำกว่า 5 แสนบาท ซึ่งทุกโครงการก็จะมีตรวจสอบภายใน สำนักงานงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) สนง.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ปปช.)คอยตรวจสอบอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทุกโครงทำอย่างถูกต้องตามระเบียบทุกประการ และพร้อมให้หน่วยงานตรวจสอบภาคเอกชนเข้าตรวจสอบได้ทุกโครงการ

ทีมข่าวการเมือง MC.news.com.net