พื้นที่โฆษณา

 ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียืน ยันวัคซีน“ไฟเซอร์ 30 ล้านโดส”ที่ รัฐบาลไทยสั่งซื้อมาถึงไทยแล้วล็อตแรก 2 ล้านโดส และทยอยเข้ามาเรื่อยๆจนถึงสิ้นปี เด็กๆที่ผู้ปกครองยินยอมให้ฉีด เตรียมแขนไว้ให้พร้อม ในขณะที่ญี่ปุ่น มอบเครื่องผลิตอ๊อกซิเจนให้ไทย 868 เครื่อง มูลค่า 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคโควิดในโรงพยาบาลทั่วไทยโดยก่อนหน้านี้ได้มอบวัคซีน AstraZeneca ให้ไทยรวม 1.65 ล้านโดส ผลสำรวจ”อนามัยโพล”ยัน ประชาชนส่วนใหญ่ถ้าไม่ออกจากบ้านสูงร้อยละ 65  การติดเชื้อวันนี้ลดลงจากยอดวานนี้มีผู้ติดเชื้อ11,646ราย เสียชีวิต 107ราย รักษาหาย10,887ราย

พื้นที่โฆษณา

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด –19 วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน 2564 มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นรวม 11,646 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 10,259 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 1,249 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 120 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 18 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,574,612 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 10,887 ราย หายป่วยสะสม 1,443,247 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)ผู้ป่วยกำลังรักษา 116,075 ราย เสียชีวิต 107 ราย

พื้นที่โฆษณา

ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลกเมื่อวานนี้วันพุธที่ 29 กันยายน 2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวม 233,548,694 ราย  มีอาการรุนแรง 91,541 ราย แพทย์รักษาหายแล้ว 210,354,003 ราย  มีผู้เสียชีวิต 4,778,694 ราย  จัดอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด   1. สหรัฐอเมริกาติดเชื้อ จำนวน 44,054,825 ราย   2. อินเดียติดเชื้อ จำนวน 33,715,049 ราย   3. บราซิล ติดเชื้อ จำนวน 21,381,790 ราย   4. สหราชอาณาจักร ติดเชื้อจำนวน 7,736,235 ราย   5. รัสเซีย ติดเชื้อจำนวน 7,464,708 ราย   สำหรับประเทศไทย จัดอยู่ในอันดับที่ 28 จำนวน 1,591,829 ราย

พื้นที่โฆษณา

รายงานการฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติในประเทศไทย ในขณะนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 รายงานว่า จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. – 28 ก.ย. 2564)รวม 50,867,498 โดส ใน 77 จังหวัด  โดยภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 28 กันยายน 2564 💉ยอดฉีดทั่วประเทศ 726,805 โดส  เป็นการฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 249,459 ราย  ฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 422,848 ราย  ฉีดเข็มที่ 3 จำนวน 54,498 ราย  มีจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 31,582,548 ราย  จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 18,098,882 ราย  จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 1,186,068 ราย

พื้นที่โฆษณา

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า เวลา 08.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้เดินทางไปตรวจรับมอบวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 2 ล้านโดส ซึ่งมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 04.35 น. ที่ผ่านมา โดยสายการบิน DHL เที่ยวบิน 3L 350  วัคซีนที่มาถึงประเทศในวันนี้ เป็นล็อตแรกจากทั้งหมดที่รัฐบาลจัดซื้อมา 30 ล้านโดส  ซึ่งทางไฟเซอร์จะจัดส่งในเดือน ต.ค.อีก 6 ล้านโดส รวมถึงสิ้นเดือนต.ค.จะมีวัคซีนเข้ามา 8 ล้านโดส และครบ 30 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้

พื้นที่โฆษณา

กลุ่มเป้าหมายหลัก อายุระหว่าง 12-18 ปี ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5 ล้านกว่าคน ใช้วัคซีน 10 ล้านโดส ส่วนที่เหลือนำไปกระจายให้ประชาชนทั่วไป ซึ่งกรมควบคุมโรคได้มีการวางแผนการฉีดไว้แล้ว โดยเฉพาะในการฉีดไขว้ตามมติคณะอนุกรรมการด้านเสริมภูมิคุ้มกัน ที่มีมติสูตรการฉีดที่จะทำให้มีภูมิคุ้มกันสูงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการฉีดซิโนแวคเข็มที่ 1 แอสตร้าเซนเนกาเข็มที่ 2 หรือแอสตร้าเซนเนกาเข็มที่ 1และไฟเซอร์เข็มที่ 2  นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังได้ขอบคุณญี่ปุ่นที่มอบเครื่องผลิตออกซิเจนแก่ไทยจำนวน 868 เครื่อง มูลค่า 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคโควิดในโรงพยาบาลทั่วไทยโดยเป็นการมอบความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากการมอบวัคซีน AstraZeneca ให้ไทยรวม 1.65 ล้านโดส

พื้นที่โฆษณา

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขเป็นเผยว่า ได้มีการจัดทำผลสำรวจชื่อ “อนามัยโพล” เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนกรณี“คิดเห็นอย่างไร? กับมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention for COVID-19)”ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม ถึง 10 กันยายน 2564 จำนวนผู้ตอบทั่วประเทศ 2,525 คน พบว่า * ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 40.5  เคยได้ยินมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล  * มาตรการ Universal Prevention for COVID-19 ที่ประชาชนส่วนใหญ่สามารถทำได้ทุกครั้งมากที่สุด คือ

พื้นที่โฆษณา

 – ร้อยละ 83.4 ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร หลังใช้ห้องน้ำ หรือหลังจากไอจาม หรือหลังสัมผัสวัตถุหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน  – ร้อยละ 73.6 หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง ควรตรวจด้วย Antigen Test Kit (ATK) หรือไปรับการตรวจรักษาที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน-  ร้อยละ 73.5 ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ และเป็นผู้มีโรคเรื้อรังให้เลี่ยงการออกนอกบ้าน หากจําเป็นให้ใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด

*  ส่วนพฤติกรรมที่ประชาชนคิดว่าทำได้น้อยที่สุด คือ – ร้อยละ 58.3 งดกินข้าวร่วมกัน แยกกินใครกินมัน และเลือกทานอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ๆ  – ร้อยละ 59.2 เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ทุกสถานที่ – ร้อยละ 64 ออกจากบ้านเมื่อจําเป็นเท่านั้น

#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 #ศูนย์ข้อมูลCOVID19 #ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ 

สำนักข่าว MC.news.com รายงาน