วันที่ 24 ธันวาคม 2567 เวลา 1๐.๐0 น. ณ ห้องประชุม 3 กองบังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 3 พลตำรวจโท วัฒนา  ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3   ประธานการประชุม พร้อมด้วย  พลตำรวจตรี วิวัฒน์ สีลาเขตต์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3  พร้อมหน่วยงาน  ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 และหน่วยงานภาคีเครือข่ายจำนวน 12 หน่วย ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา, องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ ๑, ๒ และ ๓, ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๕ นครราชสีมา, สำนักงานป้องกันและบรรเทา  สาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 3, สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา,ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานป้องกันควบคุมโรค ที่ 9 นครราชสีมา, สมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จว.นครราชสีมา และมูลนิธิกู้ภัยในพื้นที่ จว.นครราชสีมา  ได้เข้าร่วมประชุมบูรณาการเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ป้องกันและลด อุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่  พ.ศ.2568 โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาคีเครือข่าย ด้านจราจร และความปลอดภัยทางถนนในพื้นที่ทั้ง 8 จังหวัด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง) และตำรวจภูธร จังหวัดที่มีพื้นที่เส้นทางติดต่อกับตำรวจภูธรภาค 3 ประกอบด้วย ตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี, สระบุรี, ปราจีนบุรี, สระแก้ว และขอนแก่น เข้าร่วมประชุมเพื่อสรุปมาตรการปฏิบัติแบบบูรณาการในการ อำนวยความสะดวกการเดินทางของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568  โดยหน่วยงาน ภาคี ทุกหน่วยได้รายงานต่อที่ประชุมแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ วัสดุ อุปกรณ์  ที่เตรียมไว้ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ 

 ตำรวจภูธรภาค 3 ได้เตรียมการบริหารจัดการ โดยขยายช่วงการควบคุมเข้มข้นจากเดิม 7 วัน เป็น 10  วัน ระหว่างวันที่ 27  ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568  จะเพิ่มความเข้มงวดในการ บังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด และกำหนดเปิดศูนย์อำนวยความสะดวก การจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 ของตำรวจภูธรภาค 3 ระหว่างวันที่ 26  ธันวาคม 2567 – 6  มกราคม 2568  เพื่อกำกับ ดูแล และติดตามการปฏิบัติงาน ของหน่วยในสังกัด ในการอำนวยความสะดวกการจราจร ดูแลความปลอดภัย และป้องกันการเกิด อุบัติเหตุทางถนน ให้กับประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568  นี้  ตามนโยบายรัฐบาล “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ในทุกพื้นที่ โดยวางแผนตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรและจดุ ตรวจวัดแอลกอฮอล์ จำนวน 302 จุด เตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 308 ชุด มีเครื่องตรวจวัด แอลกอฮอล์ จำนวน 420 เครื่อง และเครื่องตรวจจับความเร็ว จำนวน 92 เครื่อง ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจในการปฏิบัติ ทั้งสิ้น 4,711 นาย นอกจากนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายปกครอง ในการปรับ รูปแบบจากจุดบริการประชาชนมาเป็นการตั้งด่านชุมชนแทน โดยบูรณาการกำลังทุกภาคส่วน ได้แก่ เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัย หมู่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ 

กำหนดแผนการตั้งด่านชุมชนจำนวนทั้งสิ้น จำนวน 4,180 แห่ง เพื่อป้องปรามคนที่ดื่มสุรา ไม่ให้ขับขี่รถออกจากหมู่บ้าน ชุมชน ไปเกิดอุบัติเหตุหากเกิดอุบัติเหตุทางถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจ  จะตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่รถที่เกิดเหตุทุกรายและหากพบว่ามีการดื่มสุราแล้วขับรถ จะดำเนินคดีโดยไม่มีละเว้น ในมาตรการเชิงรุก ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ ออกตรวจและ ขอความร่วมมือร้านจำหน่ายสุราในชุมชน หมู่บ้าน ทุกแห่ง ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เช่น ห้ามจำหน่ายสุราในเวลาห้าม, ห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี, ห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับบุคคลที่มีอาการมึนเมา  จนครองสติไม่ได้ เป็นต้น    โดยกรมทางหลวง ได้เปิดให้บริการใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ M6  ช่วงปากช่อง – สีคิ้ว –  ขามทะเลสอ – ถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา (ทล.204) ทั้งขาไปและขากลับ ตลอด 24 ชั่วโมง ระยะทาง 77.493 กิโลเมตร โดยกำหนดจุดเข้า – ออก มอเตอร์เวย์ M6 ดังนี้   จุดที่ 1 ทล.2 กม.65 (ตรงข้ามศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดนครชัยบุรินทร์)   จุดที่ 2 ทล.201 กม.5+500 (บ้านหนองรี อ.สีคิ้ว)   จุดที่ 3 ทล.290 กม.14+775 (วงแหวน ทล.290)   จุดที่ 4 ทล.204 กม.3+230 (ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา)   ทั้งนี้ “เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย ของส านักงานตำรวจแห่งชาติ”  ตำรวจภูธรภาค ๓ จึงใคร่ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนที่จะเดินทาง ได้เตรียม   วางแผนเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยตรวจสอบความพร้อมของรถ ผู้ขับขี่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ   งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อจะได้กลับภูมิลำเนาฉลองเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 กับครอบครัวอย่างมีความสุข 

ข่าว Mc.news.com /รายงานจากจังหวัดนครราชสีมา