ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 ส่วนกลางรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 รวมทั้งสิ้น 22,086 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อใหม่ 21,816 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 270 ราย ผู้ป่วยสะสม 856,412 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 23,672 ราย หายป่วยสะสม 640,130 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 210,376 ราย เสียชีวิต 217 ราย

โดยก่อนหน้านี้กรมควบคุมโรคคาดการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และเสียชีวิต ระยะ 2 เดือนข้างหน้าว่าหากประชาชนคนไทยไม่ระมัดระวังเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามมาตรการของทางราชการ จะมีการติดเชื้อสูงขึ้นถึงวันละกว่า 60,000ราย และเสียชีวิตกว่าวันละกว่า 800ราย ตามกราฟข้างล่างนี้

นอกจากนี้ยังมีรายงานสรุปการติดเชื้อโควิดและเสียชีวิตในหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 185 ราย เสียชีวิต 29 รายที่มีการรายงานตั้งแต่ 1 เม.ย. – 11 ส.ค. 64 ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ • มีประวัติเสี่ยงคือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน • อายุเฉลี่ย 33 ปี • มีอายุครรภ์ระหว่าง 29 – 42 สัปดาห์ ส่วนหญิงตั้งครรภ์ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ส่วนใหญ่ • ไม่มีอาการ / อาการน้อย • อัตราการเสียชีวิตน้อย คือ 1 ราย จาก 29 รายที่เสียชีวิต และหญิงตั้งครรภ์มีความกังวล ไม่กล้าฉีดวัคซีน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับวัคซีนส่วนใหญ่จะมีอาการน้อย และเสียชีวิตน้อยกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน

คำแนะนำหญิงตั้งครรภ์ WFH > เตรียมอุปกรณ์ ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานที่บ้าน > เว้นระยะห่างคนในบ้าน 1-2 เมตร > สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยกเว้นเมื่ออยู่คนเดียว > หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ > ตรวจวัดอุณหภูมิบ่อยๆ หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หรือสงสัยว่าติดเชื้อรีบพบแพทย์ทันที > ควรงดออกจากบ้าน > กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ > รักษาความสะอาดภายในบ้าน ให้อากาศถ่ายเท แสงแดดเข้าถึง> งดใช้ของส่วนตัว อุปกรณ์ ร่วมกับผู้อื่น > ทำความสะอาดหลังการใช้ห้องน้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และ ล้างมือให้สะอาดก่อนออกจากห้องน้ำ

อย่างไรก็ตามควรมีมาตรการป้องกันการติดโควิดหญิงตั้งครรภ์คือ 1. ปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT อย่างเคร่งครัด 2. WFH กรณี ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ครรภ์อยู่ในไตรมาสที่ 3  มีภาวะครรภ์ เสี่ยงสูง ทำงานในสถานประกอบการ หรืออยู่ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม3. ฉีดวัคซีนให้แก่หญิงตั้งครรภ์

#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19

#ศูนย์ข้อมูลCOVID19

#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ

ทีมข่าว MC.news.com รายงาน